shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

หัวเว่ย เอสเซนด์ พี 7 เร็ว ชัด เซลฟี่เด่น – ฉลาดใช้

นาทีนี้ สมาร์ทโฟนค่ายไหน ไม่ขายความโดดเด่นของกล้องหน้า เพื่อรองรับเทรนด์การถ่ายเซลฟ่ี วีฟี่ แล้วละก็ อาจจะหายไปจากตลาดได้ง่าย ๆ นับวันสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย มีแต่จะไม่ธรรมดา เอสเซนด์ พี 7 (Ascend P7) เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของหัวเว่ย ที่ประกาศตัวเองว่า เป็นระดับพรีเมี่ยม พัฒนาต่อยอดมาจากพี 6 ที่หลายคนชื่นชอบ จอใหญ่ 5 นิ้ว ฟูลเอชดี ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์คิทแคท 4.4.2 ที่มีหน้าตาสวยงาม และรวดเร็ว แรม 2 กิกะไบต์ รอม 16 กิกะไบต์ เพิ่มได้ถึง 32 กิกะไบต์ ผ่านไมโครเอสดีการ์ด หัวเว่ยยืนยันว่า เอสเซนด์ พี 7 เป็นสมาร์ทโฟนจอ 5 นิ้วที่มีตัวเครื่องบางที่สุดในโลก 6.5 มม. น้ำหนักตัวเครื่องเพียง 124 กรัมเท่านั้น บางและเบาจริง ๆ แต่เวลาถือในมือ หากฝ่ามือเล็ก ตัวเครื่องจะล้นนิดนึง หน่วยประมวลผล ควอดคอร์ 1.8 กิกะเฮิรตซ์ ไอซิลิคอน คิริน 910 ที การเชื่อมต่อมีให้ครบทั้งเอ็นเอฟซี บลูทูธ ไวไฟ รองรับเครือข่ายแอลทีอี พูดง่าย ๆ ก็คือ รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4จี กล้องหน้า 8 เมกะพิกเซล กล้องหลัง 13 เมกะพิกเซล รับรองสะใจผู้ที่ชอบถ่ายเซลฟ่ี วีฟี่ หรือถ่ายภาพตัวเองทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม จะขอเน้นไปที่การใช้งานกล้องหน้าก่อน ถ้าจะเซลฟ่ีตัวเอง มีโหมดล็อกใบหน้าอัตโนมัติ หรือโฟกัสใบหน้า จากนั้นจะเข้าสู่โหมดบิวตี้ เลือกได้ถึง 10 ระดับ อยากจะบอกว่า โอ้… แทบจำตัวเองไม่ได้ หน้าเนียนเด้งยังกะเพิ่งออกจากคลินิกศัลยกรรม        หากไม่ถนัดกดปุ่มชัตเตอร์ เวลาใช้งานกล้องหน้า ก็เลือกโหมดตรวจจับรอยยิ้ม ทันทีที่ยิ้ม กล้องจะทำงานทันที หรือเลือกใช้วิธีตั้งเวลาอัตโนมัติก็ได้ หากจะให้ดูดีเป็นมืออาชีพ แนะนำให้ลงทุนซื้อโมโนพอด หรือที่คนไทยตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ไม้เซลฟ่ี หัวเว่ยก็เอามาขาย มีรีโมต ใช้ได้ทั้งแอนดรอยด์และไอโอเอส ประมาณพันบาท ส่วนกล้องหลังก็เช่นกัน มีลูกเล่นครบ ทั้งภาพนิ่งและภาพวิดีโอ สังเกตได้ชัดเจนก็คือ เดิมกล้องหลังมีความสามารถอย่างไร เดี๋ยวนี้กล้องหน้าก็ทำได้แบบนั้น สิ่งที่เพิ่มขึ้นมา คือ ประสิทธิภาพถ่ายในที่มืด หรือแสงน้อย ซึ่งเป็นจุดบอดของสมาร์ทโฟน ในเอสเซนด์ พี 7 ได้ระบบประมวลสัญญาณภาพผนวกเข้ากับซอฟต์แวร์อิมเมจ สมาร์ท 2 และรูรับแสง f2.0 ทำให้ได้ภาพถ่ายที่คมชัดมากขึ้น อีกความสามารถที่ชอบและซ่อนอยู่ก็คือ แค่กดปุ่มลดเสียงสองครั้ง กล้องจะเปิดและถ่ายภาพให้ทันที ภายในเวลา 1.3 วินาที เรียกว่า อัลตร้า สแนปช็อต สะดวกมาก เวลาอยากถ่ายภาพแบบเร่งด่วน ไม่อยากให้โอกาสนั้นผ่านไป แต่ข้อเสียก็คือ ด้วยความที่กล้องเปิดถ่ายทันที โฟกัสจึงไม่เข้าที่ ภาพที่ได้จึงไม่ค่อยชัด ออกไปในทางเบลอซะส่วนใหญ่ อันนี้ก็ต้องทำใจ ๆ ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ 2500 มิลลิแอมป์ มีเทคโนโลยีประหยัดแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของหัวเว่ย ช่วยบริหารจัดการเมื่อแบตเหลือ 10% ระบบจะปิดแอพที่ไม่จำเป็นใช้งาน ความสว่างจอจะหรี่ลง เปิดเฉพาะฟังก์ชั่นการใช้งานพื้นฐาน เช่น โทรฯ เข้าออก รายชื่อ ทำให้เปิดรอรับสายได้อีก 24 ชั่วโมง หัวเว่ยบอกว่า การออกแบบสมาร์ทโฟน พี 7 ได้แรงบันดาลใจมาจากความโค้งมนของละอองน้ำ หยดน้ำ สงสัยผู้เขียนจะเข้าไม่ถึงจินตนาการนี้ ดูยังไงก็ยังเป็นโทรศัพท์รูปทรงสี่เหลี่ยมแบน ๆ แต่ชอบตรงวัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องทั้งด้านหน้าด้านหลัง เป็นแผ่นกระจก คอร์นนิ่ง กอริลล่า เส้นขอบรอบตัวเครื่องเป็นโลหะเรียบและดูดีเชียวล่ะ ราคาประมาณ 449 ยูโร เป็นเงินไทยประมาณ 14,990 บาท ไม่แพงเลยหากจะลงทุนกับเอสเซนด์ พี 7. ปรารถนา ฉายประเสริฐ prathana.chai@gmail.com  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หัวเว่ย เอสเซนด์ พี 7 เร็ว ชัด เซลฟี่เด่น – ฉลาดใช้

Posts related

 














ไทยติดอันดับโลกใช้งานมือถือ

เราปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีปัจจุบันมีส่วนช่วยให้การติดต่อสื่อสารง่ายขึ้น และคงไม่มีใครอยากให้การใช้งาน เช่น การดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ต้องสะดุด นายบัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสาร และองค์กรสัมพันธ์ บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย จำกัด เล่าว่า อีริคสัน โมบิลิตี้ รีพอร์ท ประจำปี 57 พบว่า 3 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประกอบด้วย อินโดนีเซีย ประเทศไทย และบังกลาเทศ มีการใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มสุทธิมากที่สุดติดอันดับท็อป 5 ของโลก ที่เพิ่มขึ้น 7 ล้านราย 6 ล้านราย และ 4 ล้านรายตามลำดับ ส่วนจำนวนยอดผู้ใช้รายใหม่สุทธิทั่วโลกเพิ่มขึ้นในไตรมาสเดียวจำนวน 120 ล้านราย โดยสัดส่วนการใช้งานสมาร์ทโฟนในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่ 20% ในประเทศที่กำลังพัฒนา ไปจนถึงกว่า 60% ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและมีการนำเทคโนโลยีไอซีทีมาใช้ ทั้งนี้ อีริคสันคาดการณ์ว่า ในปี 2562 ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในภูมิภาคนี้จะเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า โดยมีจำนวนมากกว่า 700 ล้านราย และจะมีจำนวนเกินกว่าครึ่งของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือทั้งหมดในโลก ซึ่งเมื่อปลายปีผ่านมาจำนวนของผู้ใช้งาน  4 จี (แอลทีอี) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านราย โดยกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วต่างให้ความสนใจ 4จี อาทิ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น แต่ในประเทศที่กำลังพัฒนานั้นเช่นไทยคาดว่า 4จี จะเข้ามามีบทบาทสำคัญภายในปี 2562 ซึ่งเมื่อมีการวางโครงข่ายมากขึ้น มองว่าผู้ใช้งาน 4จีจะอยู่ที่  230 ล้านราย โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของประชากรในภูมิภาคนี้ สำหรับปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมไอซีทีในภูมิภาคนี้ คือ ไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีอิทธิพลผลักดันการใช้งานแอพพลิเคชั่น สมาร์ทโฟน รวมถึงการใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก อีกทั้ง ราคาของสมาร์ทโฟนถูกลง ผู้บริโภคจำนวนมากเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้สะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในรายงานยังแสดงผลสปีดเทสต์ หรือการทดสอบความเร็วบนเครือข่ายโมบายต่าง ๆ โดยประเทศออสเตรเลียและสิงคโปร์ มีอัตราความเร็วเฉลี่ยที่ดีที่สุดในภูมิภาคราว 8-10 กิกะบิต และใช้ 4จี ส่วนไทยนั้นมีระดับความเร็วที่ราว 2 กิกะบิตเท่านั้น เพราะปริมาณดาต้าจะวิ่งอยู่บนโครงข่าย 3จี (เอชเอสพีเอ) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในรายงานอีริคสัน โมบิลิตี้ รีพอร์ต ยังพบว่าการใช้โทรศัพท์มือถือทั่วโลกในไตรมาส  1/57 อยู่ที่ 6,800 ล้านราย เพิ่มขึ้น 120 ล้านราย คิดเป็น 7% ซึ่ง 5 ประเทศที่มีผู้ใช้เพิ่มสุทธิสูงสุดในไตรมาสนี้คืออินเดีย 28 ล้านราย, จีน 19 ล้านราย, อินโดนีเซีย 7 ล้านราย, ไทย 6 ล้านราย และ บังกลาเทศ 4 ล้านราย ส่วนยอดการใช้โทรศัพท์มือถือทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 9,200 ล้านราย ในปี 2562 และจะมีการใช้งานในแบบโมบายบรอดแบนด์มากกว่า 7,400 ล้านราย หรือ ประมาณ 80% ของยอดผู้ใช้ทั้งหมดทั่วโลก สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยครึ่งปีหลังจะยังคงต้องรอคอยความชัดเจนด้านนโยบายจากผู้มีอำนาจในประเทศและผู้กำกับดูแล เกี่ยวกับแผนการประมูลคลื่นความถี่ย่าน  1800 เมกะเฮิรตซ์ และ 900 เมกะเฮิรตซ์ โดยความเห็นส่วนตัว หากไม่สามารถประมูลได้ในช่วงเวลาที่เคยกำหนดไว้ จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ และประชาชนจะเสียโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยี และเสียโอกาสทางการแข่งขัน เพราะปัจจุบันการใช้งานดาต้าไม่ใช่แค่โซเชียลเน็ตเวิร์กแล้ว แต่เป็นการเล่นวิดีโอ คอนเทนต์หนัก ๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าจำนวนเลขหมายที่มีการใช้งานบนสมาร์ทดีไวท์มีมากกว่า 92 ล้านราย เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า ในเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ในส่วนของผู้ให้บริการจะต้องหาโปรโมชั่นที่จำกัดในเรื่องของอัตราความเร็วเน็ต เนื่องจาก เมื่อไม่มีคลื่นความถี่ดังกล่าวมาให้บริการ แต่ปริมาณการใช้งานของลูกค้ามีความต้องการใช้งานเพิ่มขึ้น จะส่งผลทราฟิก 3จี คลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ที่ผู้ให้บริการมีเพียงรายละ 15 เมกะเฮิรตซ์ มีความหนาแน่น ถึงคราวที่ผู้ให้บริการมือถือเบอร์ 1 อย่าง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ต้องจัดสรรปันส่วนคลื่นให้เพียงพอต่อความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง. กัญณัฏฐ์ บุตรดี Kanyanat25@gmail.com

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไทยติดอันดับโลกใช้งานมือถือ

นักสืบออนไลน์ และอาชญากรรมในกระทู้ – รอบรู้ไอที รอบโลกเทคโนโลยี

ในยุคที่อินเทอร์เน็ตขยายวงกว้างอย่างทุกวันนี้ การใช้งานเว็บไซต์หรือเว็บบอร์ดสาธารณะในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้นถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านที่ใช้อินเทอร์เน็ตประจำรู้จักกันดี เว็บไซต์สาธารณะที่ให้บริการถาม- ตอบแยกตามหมวดหมู่ความสนใจนั้นก็มีอยู่หลากหลายในประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นลักษณะที่ผู้ใช้อย่างเรา ๆ สามารถตั้งกระทู้ถามตอบได้อย่างอิสระและไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ การสมัครก็ง่าย ๆ บางที่แค่กรอกรหัสที่แสดงบนจอภาพก็เข้าไปใช้ถามตอบได้แล้ว บางทีเข้มหน่อยก็อาจมีการยืนยันระบุตัวตนผู้ใช้ด้วยอีเมลหรือสำเนาบัตรประชาชนบ้าง เว็บไซต์ที่อนุญาตให้มีการโพสต์ถาม-ตอบในลักษณะนี้ เดี๋ยวนี้มีอยู่เป็นจำนวนมากนะครับ เว็บไหนที่โด่งดังหน่อยก็มีจำนวนกระทู้ที่ถูกตั้งใหม่ต่อวันหลักพัน ไม่นับว่าจำนวนคอมเมนต์หรือโพสต์ใหม่ ๆ ในแต่ละวันว่ามีเท่าไหร่อีกนะครับ เพราะจำนวนผู้ใช้ที่มากขึ้นนี่เอง ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอพฤติกรรมในการถาม-ตอบในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมบ้าง ทั้งการด่าทอ การละเมิดลิขสิทธิ์ การหมิ่นประมาท ฯลฯ บางพฤติกรรมก็รุนแรงถึงขั้นผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว ซึ่งโดยปกติถ้าไม่มีเจ้าทุกข์หรือเจ้าทุกข์ไม่เอาความเรื่องมันก็จบไปแค่ในกระทู้นั่นล่ะครับ แต่หากเกิดการกระทำผิดบนอินเทอร์เน็ตและมีเจ้าทุกข์ไปร้องเรียนเจ้าพนักงานเพื่อเอาผิดอีกฝ่ายแล้ว แม้ผู้กระทำจะเป็นแค่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ต้องถูกสืบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งเทคโนโลยีที่พวกเราหรือผู้บังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนผู้ดูแลตรวจสอบเว็บไซต์ต่าง ๆ สามารถนำมาใช้เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดหรือจับผิดผู้ตอบกระทู้ได้นั้นมีอยู่มากมาย การใช้งานก็ไม่ได้ยุ่งยากเพียงแค่อาศัยความรู้พื้นฐานของระบบเครือข่ายอย่าง Internet Protocol หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า ไอพีแอดเดรส (IP Address) เท่านั้นเองครับ ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเจ้าไอพีแอดเดรสกันก่อนครับว่ามันคืออะไร คำ ๆ นี้ย่อมาจากคำว่า Internet Protocol  Address ซึ่งเป็นหมายเลขประจำเครื่องของคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในระบบเครือข่ายต่าง ๆ เช่น โปรโตคอลแบบ TCP/IP เปรียบไปแล้วก็คล้าย ๆ กับที่อยู่บ้านเลขที่ของเรานั่นล่ะครับ เวลาจะส่งพัสดุไปรษณีย์ให้กันก็ต้องระบุที่อยู่และบ้านเลขที่ของผู้รับให้ชัดเจนบุรุษไปรษณีย์จะได้ไม่ส่งของไปผิดบ้าน เช่นเดียวกันกับไอพีแอดเดรสที่แต่ละเครื่องในเครือข่ายจะมีเลขไอพีแอดเดรสเป็นของตนเองเพื่อให้การโอนย้ายข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายไม่ผิดพลาดนั่นเอง ในเครือข่ายหนึ่ง ๆ เช่น ในบ้านเดียวกัน (เราท์เตอร์เครื่องเดียวกัน) หอพักเดียวกัน หรือ ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เดียวกัน หากมีเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายอยู่หลายเครื่อง โดยปกติแล้ว ไอพีแอดเดรสของเครื่องเหล่านั้นที่ผู้ใช้เว็บไซต์คนอื่นเห็นก็จะเป็นตัวเลขเดียวกัน แต่ถ้าคิดจากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยและในโลกที่มีอยู่มากมายขนาดนี้ มันก็เป็นไปได้ยากนะครับที่ในกระทู้หรือหัวข้อหนึ่ง ๆ ที่เปิดอิสระให้ใครก็ได้เข้ามาตอบ จะบังเอิญเจอคนหลายคนที่มีไอพีแอดเดรสเดียวกันปรากฏขึ้นมา โดยเฉพาะถ้ากลุ่มคนที่ไอพีเดียวกันเหล่านั้นมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยไปในทางเดียวกันด้วย หลาย ๆ คนก็เลยมักจะใช้สิ่งนี้เป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่าผู้ใช้รายที่มีเลขไอพีเหมือนกันนั้นอาจจะมีเจตนาอวตารตัวมาหลาย ๆ ชื่อเพื่อกระทำการหลอกลวง เช่น เป็นหน้าม้าสนับสนุนให้คนซื้อสินค้าของตนเอง หรือ หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ดังที่เป็นปัญหาในเว็บไซต์ถามตอบต่าง ๆ นอกจากดูว่ามีใครสักคนกำลังเนียนแยกร่างตอบกระทู้นี้อยู่หรือไม่ด้วยการสันนิษฐานจากเลขไอพีที่เหมือนกันแล้ว เรายังสามารถดูพิกัดคร่าว ๆ ของผู้โพสต์ผ่านทางไอพีแอดเดรสได้ โดยใช้บริการของเว็บไซต์ฟรีที่ใช้ในการติดตามไอพีแอดเดรส แค่นี้ก็จะรู้ได้อย่างไม่ยากเย็นเลยครับว่าผู้โพสต์ข้อความนี้จากจังหวัดไหน ประเทศไหน แล้วเขาน่าจะเป็นบุคคลเดียวกันกับอีกโพสต์ที่กำลังสงสัยอยู่หรือไม่ การติดตามไอพีแอดเดรสนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทยของเราเลยนะครับ เป็นเพียงความรู้พื้นฐานในการใช้งานอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์สาธารณะที่ทั้งนักสืบสมัครเล่นและผู้บังคับใช้กฎหมายใช้อยู่จริงในการสืบหาและติดตามพิกัดของอาชญากรออนไลน์ ถึงตรงนี้คุณผู้อ่านอาจมีคำถามว่าไอพีแอดเดรสพวกนี้ สามารถปลอมขึ้นมาได้ไหม? แน่นอนครับ มันสามารถทำได้ แถมทำได้ง่าย ๆ อีกต่างหาก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วอาชญากรในเว็บไซต์ถามตอบที่เรา ๆ ท่าน ๆ พบกันประจำ มักไม่ได้เป็นอาชญากรโดยกำเนิดหรือโดยอาชีพ แต่มักเป็นกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่อายุน้อย หรือ มีความเชื่อที่ผิด ๆ จนนำพาไปสู่โลกแห่งอาชญากรรมออนไลน์เสียมากกว่า แล้วก็ด้วยความที่พวกเขาไม่ได้เป็นมิจฉาชีพโดยสายเลือดหรือโดยอาชีพนั่นเองล่ะครับ ทำให้การทำผิดมักมีช่องโหว่และทิ้งหลักฐานเอาไว้ให้เรา ๆ ท่าน ๆ ตามจับผิดได้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะถ้าคนที่ติดตามมีความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีด้วยแล้ว การแก้ปัญหาอาชญากรรมในเว็บไซต์ถามตอบนี้ ผมมองเป็นสองประเด็นครับ ประเด็นแรก คือ การปลูกจิตสำนึกและจิตสาธารณะให้ผู้ใช้เว็บไซต์ถามตอบ ให้พวกเขาเข้าใจว่าแม้จะเป็นการสื่อสารที่ไม่เห็นหน้าไม่พบตัวจริงกัน แต่สังคมออนไลน์ก็ไม่ใช่สังคมจำแลง แต่เป็นสังคมจริงสังคมหนึ่งสำหรับการอยู่ร่วมกันที่ต้องมีกฎระเบียบและขนบธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อทำผิดก็จะต้องถูกลงโทษไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือทางสังคมก็ตาม ผมเชื่อว่าพอผู้คนเข้าใจได้อย่างนี้ จำนวนคนทำความผิดจะลดลง แต่แน่นอนครับ ว่าไม่มีทางหมดไปได้แน่นอน อีกประเด็นหนึ่งของการแก้ปัญหาอาชญากรรมในเว็บไซต์ถามตอบ ก็คือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ เพราะหลายครั้งที่เราไม่สามารถตามจับอาชญากรคนทำผิดได้ สาเหตุไม่ใช่ปัญหาเรื่องเทคนิค ไม่ใช่เรื่องการหาเลขไอพีไม่ได้ ไม่ใช่เพราะคนทำผิดใช้พร็อกซี่ (proxy) หรือเทคโนโลยีการหลบอะไรที่ซับซ้อน แต่เกิดจากการไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เช่น ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็ให้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้เพียงเท่านั้นไม่ได้มีการออกไปติดตามสืบสวนให้ ซึ่งในมิติหนึ่งผมเข้าใจนะครับว่างานของเจ้าหน้าที่นั้นมีเยอะ และปัญหาเหล่านี้ในอินเทอร์เน็ตนับวันก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น แต่ผมเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมที่ดีนอกจากจะต้องคืนความยุติธรรมให้ประชาชนได้แล้ว ยังควรจะต้องทำงานได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพด้วย ในเมื่อโลกนี้มีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยให้เราทำอะไร ๆ ได้เร็วได้คล่องตัวถึงขนาดนี้แล้ว ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วเช่นกันนะครับที่กระบวนการยุติธรรมไทยจะต้องปรับตัว เร่งความเร็วให้เท่าทันกับโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ใบนี้ให้ได้. ผศ.ดร.ชุติสันต์ เกิดวิบูลย์เวช หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต chutisant.k@rsu.ac.th

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : นักสืบออนไลน์ และอาชญากรรมในกระทู้ – รอบรู้ไอที รอบโลกเทคโนโลยี

Page 251 of 805:« First« 248 249 250 251 252 253 254 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file